เลเวอร์เลจคืออะไร?

เวลาอ่าน: 1 นาที

เลเวอร์เรจช่วยให้คุณเปิดตลาดในขนาดที่เพิ่มขึ้นโดยใช้เงินทุนในการลงทุนในปริมาณที่น้อยลง ซึ่งหมายความว่าความเคลื่อนไหวใดๆ ในตลาดสามารถสร้างผลประกอบได้มากขึ้นเทียบกับการลงทุนแบบดั้งเดิมที่ไม่มีการใช้เลเวอร์เลจ

อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องตระหนักถึงนั้นคือเมื่อหรือถ้าหากตลาดเคลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่คุณคาดการณ์ไว้ ผลขาดทุนสุทธิก็มากขึ้นด้วย

ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นกลไกการทำงานของเลเวอร์เลจ 

ตัวอย่างที่ 1:

นักลงทุนคนแรกต้องการที่จะถือสถานะการลงทุนบนคู่สกุลเงิน EUR/USD ด้วยขนาด 0.1 ลอต มูลค่าของสัญญาคือ EUR 10,000 และเลเวอร์เลจคือ 30:1 หรือ 3.33% ของเงินฝาก

ซึ่งมีความหมายว่านักลงทุนคนนี้ต้องการเพียง 3.33% จาก EUR 10,000 ในการเปิดสถานะ

ตัวอย่างที่ 2:

นักลงทุนคนที่สองต้องการที่จะเปิดด้วยสถานะซื้อบนหุ้น CFD S& P500 ด้วยตัวคูณดัชนีที่ 50 

ที่นี้สมมุติว่ามูลค่าของสัญญา CFD สำหรับ S & P500 คือ 2,000

ในการเปิดสถานะที่ไม่มีเลเวอร์เลจ นักลงทุนต้องมีเงินทุนอย่างน้อย 2,000 x 50 = USD 100,000 ในบัญชีของเขา

ถ้าอัตราของเลเวอร์เรจคือ 20:1 นักลงทุนต้องการ 5% ของมูลค่าสัญญาเพื่อที่จะเปิดสถานะ

ดังนั้นการมีเงินฝาก USD 5,000 สามารถปิดธุรกรรมได้ด้วยการเปิดราคาในตลาดที่ USD 100,000 (2,000 x 50)

 

ประโยชน์ของเลเวอร์เลจ

  1. เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนแบบดั้งเดิมกำไรจะได้มากกว่า

  2. นักลงทุนสามารถเปิดสถานะได้ใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับการซื้อชำระหุ้นทางกายภาพ

  3. เลเวอร์เลจช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนโดยใช้เงินทุนเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งทำให้การลงทุนในตราสารประเภทอื่นๆ ในเวลาเดียวกันง่ายขึ้น

ข้อเสียของเลเวอร์เลจ

  1. เหมือนกันศักยภาพในการสร้างกำไรเพิ่มขึ้น นักลงทุนมีโอกาสที่จะเสียเพิ่มขึ้นด้วย

  2. การมีความสามารถในการเปิดตลาดได้ใหญ่ขึ้นมากกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิมก็เป็นการทำให้เกิดการเสียการรับรู้ของโอกาสในการขาดทุนด้วย

  3. การลงทุนที่มีความหลากหลายโดยการใช้เงินทุนของคุณทำให้การบริหารจัดการมูลค่ารวมของการลงทุนยากขึ้นไปอีกด้วย

ระดับหลักประกันและการเรียกหลักประกัน

ระดับหลักประกันบอกถึงเงินฝากที่ถูกเรียกเพื่อรักษาการเปิดสถานะ เพื่อเปิดและรักษาสถานะการลงทุน,นักลงทุนต้องมีเงินฝากเป็นจำนวนที่เพียงพอในการปกป้องการลงทุน หลักประกันอิสระบอกถึงเงินต้นทุนคงเหลืออยู่ในบัญชีที่สามารถนำไปใช้ในการเปิดสถานอื่นๆ ต่อไปได้ และรวมถึงมีจำนวนมากพอที่จะครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงในยอดเงินรวมในบัญชีที่เกิดมาจากการเคลื่อนไหวของราคาจากสถานะการลงทุนที่ถูกเปิดไปก่อนหน้า

ที่ XTB ระดับหลักประกันที่ที่บัญชีที่ขาดทุนมากที่สุดจะถูกปิดคือ 50% ระดับหลักประกันถูกคำนวนโดยการหารผลประกอบการด้วยระดับของส่วนประกอบของหลักประกันที่ตั้งใจจะคงไว้, จากนั้นคูณด้วย 100%

บนแพลตฟอร์มสำหรับการลงทุน xStation5 ของ  XTB, คุณสามารถค้นหาระดับของหลักประกันในแถบด้านล่างของหน้าจอทางด้านขวา กระบวนการที่ปิดสถานะเป็นกระบวนการรักษาความปลอดภัยที่จำกัดความเสี่ยงของยอดรวมติดลบจากกรณีที่มีการเคลื่อนไหวในตลาดอย่างทันทีทันใดเกินไป

คุณควรจะตระหนักไว้เสมอว่าการรักษาระดับหลักประกันให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 50% เสมอ โดยคุณสามารถตัวอย่างเช่นฝากเงินเพิ่มหรือการปิดสถานะการลงทุนหลายๆ สถานะ

เข้าสู่ตลาดพร้อมลูกค้าของ XTB Group กว่า 1 000 000 ราย

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราให้บริการมีความเสี่ยง เศษหุ้น (Fractional Shares) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการจาก XTB แสดงถึงการเป็นเจ้าของหุ้นบางส่วนหรือ ETF เศษหุ้นไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอิสระ สิทธิของผู้ถือหุ้นอาจถูกจำกัด
ความสูญเสียสามารถเกินกว่าเงินที่ฝาก